ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุด Advanced Nano Hydrogard™เคลือบผิวฟิล์มถึงระดับชั้นนาโนลิขสิทธิ์เฉพาะของลูมาร์ ทำให้ได้ผิวฟิล์มที่มีความทนทานเรียบลื่น เงางามมากกว่าฟิล์มปกป้องสีรถทั่วไปถึง 2 เท่า ป้องกันการเกาะตัวของคราบน้ำและสิ่งสกปรกได้ดีเยี่ยม ช่วยปกป้องสีรถจากเศษวัสดุต่างๆที่อาจปลิวมากระทบ เช่น สะเก็ดหิน ยางมะตอย มูลนก ยางไม้ และซากแมลง เสริมให้รถเงางามดุจดังแพลทินัม
ลูมาร์ พีพีเอฟ แพลทินัม ผลิตจากโพลียูรีเทนคุณภาพสูง ใสกระจ่างมีความหนารวม 200 ไมครอน แข็งแรงทนทานต่อแรงดึง แรงฉีกขาด ตามมาตรฐาน ASTM รวมทั้งผ่านการทดสอบความทนทานต่อสภาพการใช้งานตามมาตรฐาน ASTM และ SAEJ1960 ทนต่อสารเคมีทั้ง Isopropyl Alcohol/Heptane/Hexane/Toluene และทนต่อความร้อนสูงถึง 116°C รวมถึงความเป็นกรดด่าง สามารถปกป้องสีรถได้เป็นอย่างดีจนกล้ารับประกันคุณภาพ 5 ปี สูงสุดในประเทศไทย
และด้วยนวัตกรรม Advanced Self-Healing จะช่วยยกระดับการปกป้องและความงามสูงสุดด้วยคุณสมบัติการซ่อมแซมรอยขีดข่วนที่เกิดขึ้นกับเนื้อฟิล์มโดยอัตโนมัติได้อย่างรวดเร็ว เมื่อฟิล์มโดนความร้อนจากแสงแดดหรือฝากระโปรงเครื่องยนต์
ทั้งนี้ การทำตลาดของลูมาร์ พีพีเอฟ แพลทินัม จะเน้นกลุ่มลูกค้าซูเปอร์คาร์และกลุ่มรถยนต์หรูที่มีตลาดรวมมากกว่า 30,000 คันต่อปี รวมถึงกลุ่มลูกค้ารถยนต์ป้ายแดงรุ่นใหม่ที่ต้องการดูแลรถยนต์เป็นพิเศษ โดยมีราคาจำหน่ายพร้อมติดตั้งเริ่มต้นทั้งคันที่ 220,000 บาทต่อคัน รับประกัน 5 ปีสูงสุดในประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าจะตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า และได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด
นางสาวจันทร์นภากล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมของตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในปีนี้ ว่าน่าจะมีตลาดรวมที่ 1,500 – 1,700 ล้านบาท เติบโตประมาณ 12% เป็นผลมาจากการขยายตัวของตลาดรถยนต์ใหม่ที่คาดว่าจะมียอดจำหน่ายรวมประมาณ 1 ล้านคัน หรือเติบโตมากกว่า 15% ซึ่งตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ก็จะเติบโตตามการขยายตัวของทั้งตลาดรถยนต์ใหม่และตลาดรถยนต์มือสอง
ในส่วนของบริษัทนั้น คาดว่าจะมีการเติบโตตามตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในภาพรวม โดยคาดว่าในปีนี้จะมีรายได้รวมที่ 850 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 800 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดฟิล์มกรองแสงที่ 35-37% ไว้ได้ ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ก็คาดว่าจะเติบโตเช่นกัน โดยมีรายได้รวม 50ล้านบาทในปีนี้