จำนวนผู้เข้าชม : 834 ครั้ง
End Page
 
 
การขอใบอนุญาติขับขี่

คุณสมบัติของผู้ที่สามารถทำใบอนุญาตขับรถ

1. ต้องเป็นบุคคลที่ อายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สำหรับผู้ที่ต้องการขอมีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์
2. ต้องเป็นบุคคลที่ อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สำหรับผู้ที่ต้องการขอมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล
3. มีความรู้และความสามารถในการขับรถ
4. มีความรู้ในข้อบังคับการเดินรถตามพระราชบัญญัติรถยนต์ และตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก
5. ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
6. ไม่มีโรคประจำตัวที่ผุ้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ
7. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
8. ไม่มีใบอนุญาตขับรถชนิดเดียวกันอยู่แล้ว
9. ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ




หลักฐานที่ใช้ในการขอใบอนุญาตขับรถ

1. บัตรประจำตัวประชาชน บัตรอื่นที่ใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชน หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว พร้อมภาพถ่าย
2. สำเนาหรือภาพถ่ายสำเนาทะเบียนบ้านหรือใบสำคัญถิ่นที่อยู่
3. ใบรับรองแพทย์
4. ถ้ามีหลักฐานดังต่อไปนี้ให้นำมาด้วยพร้อมภาพถ่าย
    • ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกหรือกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทหาร
    • ใบอนุญาตขับรถชนิดเดียวกับที่ขอรับใบอนุญาต ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศออกให้ (พร้อมคำแปลภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษจากสถานทูต)
    • ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ






ขั้นตอนการทดสอบใบอนุญาตขับรถ

1.ทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย ดังต่อไปนี้
(1) ทดสอบปฏิกิริยา ทดสอบความสามารถในการใช้เบรกเท้ารวม 3 ครั้ง หากสามารถเหยียบเบรกได้ในระยะเวลาน้อยกว่า หรือเท่ากับ 0.75 วินาที 2 ใน 3 ครั้ง ให้ถือว่าผ่านการทดสอบ
(2) ทดสอบสายตา ได้แก่
- สายตาทางกว้าง ถ้าสามารถมองเห็นทั้งด้านซ้ายและด้านขวา เป็นมุมกว้างข้างละ 75 องศา 2 ใน 3 ครั้ง ให้ถือว่าผ่านการทดสอบ
- สายตาทางลึก ทดสอบการมองเห็นในระยะ 2.50 - 3.50 เมตร รวม 3 ครั้ง หากผลการทดสอบห่างจากจุดที่กำหนดไม่เกินกว่า 1 นิ้ว 2 ใน 3 ครั้ง ให้ถือว่าผ่านการทดสอบ
- สายตาบอดสี เป็นการทดสอบสายตาในการมองเห็นสีต่างๆ คือ สีเขียว สีเหลือง สีแดง โดยอาจเป็นการทดสอบจากเครื่องทดสอบ หรืออ่านแผ่นภาพทดสอบ

2. อบรมความรู้เกี่ยวกับ การขับรถอย่างปลอดภัย, มารยาทในการขับรถ และกฎหมายจราจร ใช้เวลาในการอบรม 2 ชั่วโมง

3. การสอบข้อเขียน(ใช้ระบบคอมพิวเตอร์) ผู้เข้ารับการทดสอบข้อเขียนต้องทดสอบความรู้ในข้อบังคับการเดินรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ตามชนิดของใบอนุญาต กรณีเป็นการทดสอบสำหรับการขอรับใบอนุญาตขับรถสาธารณะ ต้องทดสอบความรู้เกี่ยวกับถนนและทางหลวงในเขตจังหวัดที่ขอรับใบอนุญาตขับรถนั้นด้วย แบบทดสอบข้อเขียนเป็นแบบปรนัย มี 30 ข้อ ๆ ละ 1 คะแนน โดยใช้เวลาทดสอบประมาณ 30 นาที และต้องได้คะแนน 23 คะแนน ขึ้นไป จึงถือว่าผ่านการทดสอบ
ส่วนรถจักรยานยนต์ แต่ละชุดมี 20 ข้อ และต้องได้คะแนน 15 คะแนนขึ้นไป จึงถือว่าผ่านการทดสอบ

4. การทดสอบภาคปฏิบัติ ในการทดสอบปฏิบัติขับรถนั้นจะมีการทดสอบดังต่อไปนี้

ท่าที่ 1 การขับรถเดินหน้าและหยุดรถเทียบทางเท้า
1. ด้านซ้ายของรถต้องขนานขอบทางและห่างจากขอบทางไม่เกิน 25 เซนติเมตร
2. กันชนหน้าหรือล้อหน้าสุดหรือขอบล้อสำหรับที่ไม่มีกันชนหน้าต้องไม่ล้ำเกินจุดหยุดรถข้างทาง และต้องอยู่ห่างจากจุดหยุดรถนั้น ไม่เกิน 1 เมตร
3. ต้องไม่ขับรถปีนทางเท้าหรือขอบทาง

ท่าที่ 2 การขับรถเดินหน้าและถอยหลังในทางตรง ให้เลือกทดสอบแบบใดแบบหนึ่ง ดังนี้
แบบที่ 1 ให้ขับรถเดินหน้าและถอยหลังออกโดยตลอดช่องเดินรถ ซึ่งประกอบด้วยหลักที่ตั้งไว้ในแนวตรงขนานกัน 2 แถว มีความยาวประมาณ 10 - 12 เมตร หลักแต่ละหลักในแถวเดียวกัน มีระยะห่าง 1.5 เมตร ส่วนความกว้างของช่องเดินรถเท่ากับความกว้างสุดของตัวรถบวกกับอีก 50 เซนติเมตร ต้องไม่ขับรถชนหรือเบียดหลัก
แบบที่ 2 ให้ขับรถเดินหน้าถอยหลังเข้าช่องทางที่กำหนดซึ่งมีขนาดความกว้าง 2.50 เมตร ล้อรถต้องไม่ทับเส้นแบ่งช่องทาง ไม่ชน หรือปีนขอบทาง

ท่าที่ 3 การขับรถถอยหลังเข้าจอด
นำรถถอยหลังเข้าจอด โดยท้ายรถต้องตั้งฉากกับขอบทาง ล้อรถต้องไม่ทับเส้นแบ่งช่องทาง ไม่ปีน หรือไม่ตกขอบทาง แต่ให้ชนหรือเบียบขอบทางได้

ท่าที่ 4 การกลับรถ
ให้กลับรถในช่องเดินรถ ซึ่งประกอบด้วยหลักที่ตั้งไว้ขนานกัน 2 แถว มีความยาวประมาณ 10 - 12 เมตร หลักในแต่ละแถวห่างกัน 1.5 เมตร ส่วนความกว้างของช่องเดินรถเท่ากับความยาวของรถ บวกกับอีก 2 เมตร ต้องไม่ขับรถชน หรือเบียดหลัก ตั้งแต่เริ่มขับรถเพื่อกลับรถ จนกระทั่งกลับรถแล้วเสร็จต้องไม่เปลี่ยนเกียร์เกินกว่า 7 ครั้ง

ท่าที่ 5 การหยุดรถและออกรถบนถนนลาด
ให้ขับรถในทางตรงด้วยความเร็วประมาณ 20 - 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วหยุดรถตรงแนวเส้นที่กำหนดกันชนหน้า หรือล้อหน้าสุดสำหรับรถที่ไม่มีกันชนหน้า ต้องไม่ล้ำหรือต่ำกว่าแนวเส้นที่กำหนดเกินกว่า 1 เมตร

ท่าที่ 6 การหยุดรถและออกรถบนถนนลาด
ให้ขับรถบนเนินหรือสะพานโค้งแล้วหยุดรถบนเชิงลาดของเนินหรือสะพานโค้งนั้น โดยให้กันชนหน้าอยู่ระหว่าง กึ่งกลางเนิน หรือส่วนบนสุดของสะพานโค้ง แล้วออกรถข้ามเนิน หรือสะพานโค้งนั้นไปโดยปลอดภัย ต้องไม่ขับรถในลักษณะที่อาจ เกิดอันตรายหรือเลี้ยงคลัชท์ หรือเป็นเหตุให้ตัวรถเคลื่อนถอย จากจุดที่หยุดเกินกว่า 1 เมตร หรือเครื่องยนต์ดับเกินกว่า 2 ครั้ง

ท่าที่ 7 การขับรถโดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร
ให้ขับรถโดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร เช่น การเลี้ยวรถ การหยุดรถ การชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถ เป็นต้น ที่กำหนดไว้ตามจุดต่าง ๆ บนเส้นทางการทดสอบขับรถไม่น้อยกว่า 5 เครื่องหมาย และต้องให้สัญญาณให้ถูกต้องทุกเครื่องหมาย โดยใช้สัญญาณไฟ หรือสัญญาณมือ



ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : นิตยสารรถ Weekly  
 ผู้บันทึก : กองบรรณาธิการ
date : [ 12 ธ.ค. 2556 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 
สาระน่ารู้
ข่าวรถมือสอง
เทคนิคเลือกยางเพื่อรถคู่ใจ ดูที่อะไรคุ้มสุด

ข่าวรถมือสอง
รถเปลี่ยนมือ อย่าลืมเปลี่ยนสิทธิ์ 5 เรื่องควรรู้ เพื่อปลดหนี้อย่างปลอดภัย

ข่าวรถมือสอง
คู่มือดูแลยางรับหน้าฝน: ดูแลยางอย่างไรให้ใช้ได้อย่างปลอดภัยและอุ่นใจ

ข่าวรถมือสอง
CARS24 แนะนำ 6 รถครอบครัวรุ่นฮิต ผ่อนเริ่มต้น 10,000 บาท

ข่าวรถมือสอง
ประโยชน์ของชุดปะยางฉุกเฉิน

ข่าวรถมือสอง
นิสสัน เทอร์ร่า แชร์เคล็ดลับการเดินทางกับเด็กเล็ก เคล็ดลับการเดินทางที่รับประกันว่าจะทำให้ทั้งครอบครัว

ข่าวรถมือสอง
7เหตุผลที่ลูกค้าเลือกใช้ มิตซูบิชิ ไทรทัน

ข่าวรถมือสอง
ฟอร์ดแนะเคล็ดลับขับขี่ปลอดภัยในเวลากลางคืน

ข่าวรถมือสอง
5 ฟีเจอร์ในรถฟอร์ดเอเวอเรสต์ผู้ช่วยของสุดยอดคุณแม่

ข่าวรถมือสอง
ฟอร์ดเผย 5 เคล็ด(ไม่)ลับของการขับออฟโรด

ข่าวรถมือสอง
ฟอร์ดแนะนำ4เคล็ดลับการรักษาสีรถให้เหมือนใหม่

ข่าวรถมือสอง
ไบค์เกอร์เท่านั้นที่รู้! เปิด 5 เหตุผล ทำไมไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ถึงเป็นพรีเมียมบิ๊กไบค์ ที่ใครๆ ก็อยาก

ข่าวรถมือสอง
ฟอร์ดแนะเทคนิคขับรถทางไกลให้ประหยัดน้ำมัน

ข่าวรถมือสอง
5 วิธีขับรถลุยน้ำอย่างปลอดภัย

ข่าวรถมือสอง
แอร์รถสะอาด สำคัญกว่าที่คิด

   
   
 
   
 
 
 
 
ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด
   Copyright © 2013 :By media ltd.