จำนวนผู้เข้าชม : 303 ครั้ง
End Page
 
 
คาเยนน์อี-ไฮบริด ยนตรกรรมสปอร์ต SUV จากปอร์เช่ ติดตั้งขุมพลังE-performance

ปอร์เช่เสริมทัพขุมพลังขับเคลื่อนไฮบริดต่อยอดสมรรถนะเหนือระดับให้ยนตรกรรม SUVสุดหรู: ปอร์เช่ คาเยนน์อี-ไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุด(The new Porsche Cayenne E-Hybrid) ผสมผสานการบังคับควบคุมสไตล์สปอร์ตให้เป็นหนึ่งเดียวกับประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดเครื่องยนต์ V6 ขนาดความจุกระบอกสูบ 3.0ลิตร(340 แรงม้า/250 กิโลวัตต์) เสริมพลังด้วยระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า(136 แรงม้า/100 กิโลวัตต์) ให้พละกำลังสูงสุดรวมกว่า462แรงม้า (340กิโลวัตต์)แรงบิดสูงสุดถึง 700 นิวตันเมตร พร้อมนำพายนตรกรรมสปอร์ต SUVพุ่งทะยานอย่างไร้ขีดจำกัดทันทีที่เหยียบคันเร่ง; ด้วยศักยภาพของขุมพลังที่สืบทอดแนวทางการออกแบบจากรถซูเปอร์สปอร์ตอย่าง ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์(Porsche 918 Spyder)คาเยนน์ปลั๊ก-อินไฮบริด(Cayenne plug-in hybrid)สามารถเร่งออกตัวจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 5.0 วินาทีเท่านั้น เร้าใจยิ่งกว่าด้วยความเร็วสูงสุดถึง 253 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปอร์เช่ คาเยนน์อี-ไฮบริดใหม่(The new Cayenne E-Hybrid)สามารถเดินทางได้ 441)กิโลเมตร และทำความเร็วได้ถึง 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยเมื่อวัดตามมาตรฐาน New European Drive Cycle (NEDC)โดยขึ้นอยู่กับขนาดของยางรถยนต์ที่ติดตั้งอยู่ที่ 29.4-31.2กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 3.4 – 3.2 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตรอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 20.9 – 20.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง100 กิโลเมตรนอกจากการเปิดตัว คาเยนน์ อี-ไฮบริด(Cayenne E-Hybrid)ปอร์เช่ยังได้เพิ่มเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบช่วยเหลือการขับขี่หลากหลายรายการให้แก่คาเยนน์ (Cayenne) ทุกรุ่น อาทิ หน้าจอแสดงข้อมูล head-up displayแบบใหม่ เบาะนวดไฟฟ้า และล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 22นิ้ว

 




พละกำลังสูงสุดกว่า 462 แรงม้า ด้วยแนวคิดในการพัฒนาแบบเดียวกับปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder)

คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid)คือหนึ่งในผลงานอันเป็นตัวแทนที่แสดงออกถึงทิศทางการพัฒนายานพาหนะพลังงานไฟฟ้าในอนาคตของปอร์เช่ ประจำการด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในสมรรถนะสูง ซึ่งผ่านการปรับแต่งจนมีกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 7 แรงม้า (5 กิโลวัตต์) รวมเป็น340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์)ประสิทธิภาพจากระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 43 เปอร์เซ็นต์ หรือ136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์)ทั้ง 2 ขุมพลังผสานพละกำลังสูงสุดกว่า 462แรงม้า (340กิโลวัตต์)แนวทางในการออกแบบระบบเสริมสมรรถนะที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากรถซูเปอร์สปอร์ต ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์(Porsche 918 Spyder)ถูกนำมาใช้อย่างเหมาะสมลงตัว เพื่อให้มั่นใจว่ามอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพเมื่ออยู่ภายใต้โปรแกรมการขับขี่ทุกรูปแบบของชุดแต่งสปอร์ตโครโน (Sport Chrono Package) ซึ่งติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานนั่นหมายความว่าแรงบิดสูงสุดจะพร้อมตอบสนองต่อการบังคับควบคุมทุกครั้งที่สัมผัสคันเร่ง ผู้ขับขี่สามารถสนุกสนานกับอัตราเร่งและแรงบิดมหาศาลในทุกรอบความเร็ว พร้อมรับมือกับสถานการณ์บนท้องถนนที่ต้องเผชิญด้วยความมั่นใจ ทั้งหมดข้างต้นนำมาซึ่งเสถียรภาพการทรงตัวและประสบการณ์การขับขี่ที่ดีเยี่ยมกำลังสำรองที่ล้นเหลือจากมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกเก็บสะสมเอาไว้ผ่านการชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างการเดินทางโดยขึ้นอยู่กับโปรแกรมการ
ขับขี่ที่เลือกใช้งานขณะนั้น โหมด Sport และ Sport Plus เน้นการดึงสมรรถนะตัวรถออกมาจนถึงขีดสุด พลังงานจากแบตเตอรี่ทั้งหมดจะได้รับการนำมาใช้เพื่อสร้างอัตราเร่ง สำหรับโหมด Sportการชาร์จแบตเตอรี่จะเกิดขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการเสริมพละกำลัง ในส่วนของโหมด Sport Plus แบตเตอรี่จะได้รับการชาร์จอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โหมดการขับขี่อื่นๆนั้นเหมาะสมกับลักษณะการขับขี่ที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด

 

ชาร์จพลังงานผ่านระบบ Porsche Connect app และ Porsche Charging Service

แบตเตอรี่ที่ติดตั้งในปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด(Porsche Cayenne E-Hybrid) ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเพื่อเพิ่มความจุในการเก็บสะสมพลังงาน เสริมขีดความสามารถทั้งในแง่ของพิสัยระยะการเดินทางและพละกำลังสำรองยามที่
ต้องการอัตราเร่ง: เมื่อเปรียบเทียบกับ คาเยนน์ (Cayenne) รุ่นก่อนหน้า พบว่าความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นจาก 10.8 เป็น 14.1 กิโลวัตต์ชั่วโมงหรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แบตเตอรี่ดังกล่าวผ่านการระบายความร้อนด้วยระบบ fluid-cooled ติดตั้งลงบริเวณพื้นตัวถังด้านท้ายของรถอย่างหนาแน่น ประกอบด้วยโมดูลพลังงาน 8 ชุด ภายในแต่ละโมดูลคือเซลล์ prismatic lithium ion จำนวน 13 เซลล์ สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มความจุภายในระยะเวลา 7.8ชั่วโมง ด้วยไฟฟ้าแรงดัน230โวลต์ ผ่านสายต่อขนาดกระแส 10 แอมป์ ในกรณีที่ใช้อุปกรณ์พิเศษon-board charger7.2 กิโลวัตต์ ด้วยไฟฟ้าแรงดัน230โวลต์ ผ่านสายต่อขนาดกระแส 32แอมป์ แทนที่ระบบชาร์จมาตรฐานแบบ 3.6 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่จะได้รับการชาร์จพลังงานจนเต็มความจุภายในระยะเวลาเพียง 2.3 ชั่วโมงเท่านั้น

 


กระบวนการชาร์จพลังงานสามารถควบคุมและตรวจสอบสภาวะการทำงานผ่านระบบติดต่อสื่อสารPorsche
Communication Management (PCM) พร้อมสั่งการระบบปรับอากาศอย่างสะดวกสบายจากPorsche Connect app ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มอุณหภูมิหรือลดอุณหภูมิในขณะปิดสวิทช์กุญแจ ทั้งหมดข้างต้นติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและสามารถเลือกเชื่อมต่อด้วยโทรศัพท์มือถือได้ตามต้องการ นอกจากนี้ระบบPorsche Connect ยังรองรับการค้นหาและคัดกรองสถานีชาร์จพลังงาน รวมทั้งบันทึกตำแหน่งที่ตั้งของสถานีลงในจุดหมายของระบบนำทางผ่านดาวเทียมระบบเครือข่ายการให้บริการ Porsche Charging Service ใหม่ล่าสุด เปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่เข้าถึงสถานีบริการชาร์จพลังงานสาธารณะได้โดยอิสระ ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการจะถูกส่งตรงมายังผู้ใช้งานผ่านPorsche ID accountโดยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใช้งานเพิ่มเติมกับผู้ให้บริการรายอื่นแต่อย่างใด

 

 




ระบบขับเคลื่อนไฮบริดและเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะTiptronic S ใหม่ล่าสุด

ปอร์เช่ ออกแบบและสร้างสรรค์ระบบขับเคลื่อนและระบบส่งกำลังของ คาเยนน์อี-ไฮบริด(Cayenne E-Hybrid)ใหม่ทั้งหมด ชุดขับเคลื่อนไฮบริดประกอบด้วยเซลล์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงพร้อมชุดคลัทช์อิสระ electromechanical แตกต่างจากระบบelectro-hydraulic และอุปกรณ์spindle actuator ในรุ่นก่อนหน้าให้อัตราการตอบสนองที่รวดเร็วและฉับไวกว่าอย่างเห็นได้ชัดในส่วนของระบบส่งกำลังประจำการด้วยเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 จังหวะTiptronic Sที่ได้รับการปรับแต่งใหม่สำหรับปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) โดยเฉพาะเกียร์อัตโนมัติชุดนี้ไม่เพียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความนุ่มนวล แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนอัตราทดได้อย่างรวดเร็ว ลดอาการกระตุกที่เกิดขึ้นขณะเปลี่ยนจังหวะ

 

หนึบแน่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive พร้อมสมรรถนะการลากจูงสูงสุดกว่า 3.5 ตัน

ด้วยการทำงานของระบบ Porsche Traction Management (PTM)ส่งผลให้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อall-wheel drive ของ คาเยนน์อี-ไฮบริด(Cayenne E-Hybrid)ได้รับการควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านอุปกรณ์map-controlled multiplate clutch โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายแรงบิดไปยังล้อขับเคลื่อนอย่างเหมาะสม การทำงานของระบบดังกล่าวช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถบังคับควบคุมรถยนต์ได้ทุกรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่สไตล์สปอร์ตความเร็วสูงที่ต้องการเสถียรภาพในการทรงตัว หรือแม้แต่ในยามบุกตะลุยไปบนเส้นทางทุรกันดารสไตล์offroadต้องยกประโยชน์ให้ระบบรองรับและช่วงล่างของ คาเยนน์ไฮบริด(Cayenne E-Hybrid)ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ารถสปอร์ตพันธุ์แท้ เฉกเช่นกับที่เคยเป็นมาใน ปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) ทุกเจเนอเรชั่น ระบบควบคุมการทรงตัวPorsche Active Suspension Management (PASM) ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้สามารถเลือกสั่งติดตั้งอุปกรณ์พิเศษอีกหลากหลายรายการ อาทิ ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) ระบบroll stabilisationและระบบลากจูงรถต่อพ่วงที่สามารถรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 3.5 ตัน




จัดเต็มอุปกรณ์พิเศษ: หน้าจอแสดงผล head-up display และล้ออัลลอยน้ำหนักเบา ขนาด 22 นิ้ว

พร้อมกับการเปิดตัว คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Porsche Cayenne E-Hybrid)ปอร์เช่ได้บรรจงเพิ่มเติมระบบช่วยเหลือการขับขี่และนวัตกรรมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกล้ำยุคมากมายหลายรายการ สำหรับ คาเยนน์ (Cayenne) ทุกรุ่น นับเป็นครั้งแรกของปอร์เช่สำหรับการติดตั้งหน้าจอแสดงผลแบบใหม่ head-up display ทำงานด้วยการฉายภาพข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับระบบต่างๆของตัวรถไปยังระดับสายตาของผู้ขับขี่โดยตรงในลักษณะของหน้าจอสี ในส่วนของอุปกรณ์พิเศษอื่นๆที่ได้รับการเพิ่มเติมลงใน คาเยนน์ (Cayenne) เป็นครั้งแรก ได้แก่ระบบดิจิทัลช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Porsche InnoDriveพร้อมระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ adaptive cruise controlเบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบนวดไฟฟ้า massage seatsระบบไล่ฝ้ากระจกบังลมหน้า heated windscreenระบบทำความร้อนภายในห้องโดยสารแยกตำแหน่งอิสระควบคุมด้วยรีโมท และล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 22นิ้ว

 

 

 

กำหนดการจำหน่าย

ปอร์เช่ คาเยนน์อี-ไฮบริดใหม่ (The new Porsche Cayenne E-Hybrid)มีกำหนดเปิดตัวในภูมิภาคยุโรปประมาณปลายเดือนพฤษภาคม 2018

 




อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าการปล่อยไอเสีย2)

ปอร์เช่ คาเยนน์อี-ไฮบริด(Porsche Cayenne E-Hybrid):อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 29.4-31.2กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 3.4 – 3.2 ลิตรต่อระยะทาง100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์78 – 72 กรัมต่อกิโลเมตร; อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 20.9 – 20.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง100 กิโลเมตร

 

1)ระยะทางขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุดอยู่ระหว่าง 42 และ 44 กิโลเมตร โดยขึ้นอยู่กับยางรถยนต์ที่ได้รับการติดตั้ง

2)อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์ยอนไดออกไซด์ ขึ้นอยู่กับยางรถยนต์ที่ได้รับการติดตั้ง





ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : รถweekly  
 ผู้บันทึก : รถweekly
date : [ 14 ก.ย. 2561 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc