แฟนทอมทั้งสามของมอนตี้
นายพลมาร์แชล เบอร์นาร์ด มอนต์โกเมอรี่ คือหนึ่งในทหารที่ได้รับการประดับยศและเหรียญเชิดชูเกียรติมากที่สุดในศตวรรษที่ 20 และเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดจากชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรในยุทธการแห่งเอล อะลาเมน ครั้งที่ 1 ที่อียิปต์เมื่อปี ค.ศ. 1942 และผลงานอันยอดเยี่ยมต่อชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรในเหตุการณ์วันดีเดย์ เมื่อปี ค.ศ. 1944 ซึ่งในระหว่างการรับราชการทหาร มอนต์โกเมอรี่มีฉายาว่า “นายพลสปาร์ตัน” เนื่องมาจากการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและเคร่งครัดต่อระเบียบวินัยกับเหล่าทหารในบังคับบัญชาทั้งในและนอกสมรภูมิ
ทว่า มีเพียงเรื่องเดียวในชีวิตที่มอนต์โกเมอรี่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด นั่นคือยานพาหนะส่วนตัวของเขานั่นเอง ซึ่งรถยนต์ที่เขาชื่นชอบมากที่สุดก็คือ โรลส์-รอยซ์ แฟนทอม
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นายพลมอนต์โกเมอรี่ใช้รถยนต์ โรลส์-รอยซ์ แฟนทอม ถึง 3 คัน ซึ่งเป็นรถยนต์แฟนทอมรุ่นที่ 3 และเป็นรุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์ V12 แบบ 7338 ซีซี ที่เดินเครื่องได้เรียบลื่นด้วยเพลาลูกเบี้ยวเหนือสูบและระบบจุดระเบิดเชื้อเพลิงคู่รูปแบบใหม่ และที่สำคัญคือเป็นรถยนต์รุ่นสุดท้ายที่เซอร์เฮนรี รอยซ์ ทุ่มเทพัฒนา โดยเขาเสียชีวิตเมื่ออายุ 70 ปีในระหว่างการพัฒนารถยนต์แฟนทอมรุ่นที่ 3 นี้เอง
รถยนต์แฟนทอมรุ่น 3 คันแรก ซึ่งเป็นรุ่นปี 1936 ซึ่ง เฟรเดอริก วิลค็อก เจ้าของบริษัท อิงลิช ทัลบอต มอเตอร์ ได้สั่งให้บริษัทฟรีสโตน แอนด์ เว็บบ์ รับหน้าที่การผลิต ต่อมา รถยนต์คันนี้ได้ตกเป็นของแผนกคมนาคมของกระทรวงยุทธการอังกฤษ ซึ่งมอนต์โกเมอรี่นำมาใช้เป็นยานพาหนะส่วนตัวจนถึงเหตุการณ์วันดีเดย์ และยังได้มีโอกาสใช้รับส่งบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์อย่าง วินสตัน เชอร์ชิลล์, นายพลไอเซนฮาวร์, และกษัตริย์จอร์จที่ 6 ไปยังการประชุมเหตุการณ์วันดีเดย์ ณ ฐานบัญชาการในเซาธ์วิกเฮ้าส์ มณฑลแฮมป์เชอร์
ด้วยความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในพลังแห่งภาพลักษณ์ มอนต์โกเมอรี่ใช้รถยนต์โรลส์-รอยซ์ แฟนทอม ของเขาในการสื่อสารถึงความมั่นคง ความแข็งแกร่ง และความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาว่าเขาจะยืดหยัดเช่นนี้อยู่เสมอ