พอล แฮริส ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "Phantom Drophead Coupé ถือเป็นดาวเด่นดวงหนึ่งของยนตรกรรม Rolls-Royce ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยสอดรับกับความหรูหราอันเหนือระดับของยนตรกรรมเปิดประทุนอย่างแท้จริง ทุกส่วนประกอบผสานรวมเข้าด้วยกันอย่างลงตัวและพร้อมสะกดทุกสายตา ทั้งยังเป็นยานยนต์รุ่นหายากที่ครองตำแหน่งยนตรกรรมที่มีค่ายิ่งสำหรับนักสะสม และนี่ถือเป็นครั้งสุดท้ายที่สาธารณชนจะได้มีโอกาสใกล้ชิดยนตรกรรมชั้นเลิศนี้ เนื่องจากเราได้เดินหน้าแผนการผลิต Dawn ยนตรกรรมเปิดประทุนรุ่นล่าสุดของเราแล้วอย่างเต็มสูบ"
ความเป็นเลิศด้านยนตรกรรม ‘เปิดประทุน’
นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อ 112 ปีที่แล้ว Rolls-Royce Motor Cars ได้กลายเป็นนิยามของมาตรฐานแห่งความหรูหราสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ และเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2003 หลักปรัชญานี้ได้รับการตอกย้ำจากการส่งมอบยานยนต์ Phantom รุ่นที่เจ็ดเป็นครั้งแรกให้กับลูกค้า ณ สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Rolls-Royce ในเมืองกู้ดวู้ด ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ Rolls-Royce ได้สร้างตำนานบทใหม่ในฐานะผู้ผลิต "ยานยนต์ที่ดีที่สุดในโลก" (Best Car in the World)
ในปี 2007 การถือกำเนิดของ Phantom Drophead Coupé ได้ชุบชีวิตให้กับยนตรกรรมทัวริ่งเปิดประทุนสุดหรูที่ไม่เป็นสองรองใคร ด้วยสไตล์โดดเด่นเฉพาะตัวและความสะดวกสบายในการเดินทางราวกับได้ 'นั่งบนพรมวิเศษ' ของ Rolls-Royce และในวันนี้ Rolls-Royce Dawn ทายาทโดยตรงของ Drophead Coupé พร้อมแล้วที่จะเผยให้เห็นถึงความเป็นเลิศแห่งยนตรกรรมเปิดประทุนอย่างแท้จริง
หลังจากโลดเล่นมายาวนานเกือบทศวรรษ ก็ได้เวลาแล้วที่ Phantom Drophead Coupé จะต้องลงจากเวที และนี่จะเป็นการผลิตครั้งสุดท้ายของรุ่นด้วย ซึ่งลูกค้าของ Rolls-Royce จะได้พบกับการพัฒนาหลายอย่างใน Phantom Drophead Coupé รุ่นนี้ ตั้งแต่ห้องโดยสารด้านหลังจนถึงที่นั่งคนขับ และพร้อมเปิดกว้างให้ลูกค้าใหม่ได้ทำความรู้จักกับแบรนด์โดยตรง
ดาวดวงเด่นของงานมอเตอร์เอ็กซ์โป
สำหรับ Phantom Drophead Coupé ที่จัดแสดงภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ มาพร้อมคุณสมบัติที่สามารถดึงดูดความสนใจได้มากกว่าการจัดแสดงยนตรกรรมเปิดประทุนในทุกครั้งที่ผ่านมา นั่นคือ ฝากระโปรงหน้าเหล็กกล้าปัดเงา, เสา A และฝาปิดช่องเก็บหลังคาด้านหลังที่ทำจากไม้สัก โดยเหล็กกล้าปัดเงาดังกล่าวผ่านกระบวนการเก็บผิวอย่างละเอียดโดยเครื่องจักรเพื่อให้ผิวงานมีความสม่ำเสมอก่อนที่จะดำเนินการขัดผิวด้วยมือเพื่อให้ได้ความเงางามอย่างไร้ที่ติ บริเวณด้านหลังในส่วนของที่เก็บหลังคาทำจากไม้สักที่ผ่านการลงน้ำมันอย่างพิถีพิถันเพื่อคงความงามของเนื้อไม้ตามธรรมชาติและให้ความมันเงาที่ยาวนาน กล่าวคือได้ทั้งความงดงามและความทนทานไปพร้อมกัน
ประตูเปิดด้านหน้าแบบ Coach Door ช่วยให้การก้าวเข้าไปยังที่นั่งด้านหลังง่ายดายขึ้นและยังสอดรับกับสุนทรียะโดยรวมของตัวรถอีกด้วย สำหรับรูปทรงด้านข้างนอกจากจะถอดแบบมาจากยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นคลาสสิกแห่งทศวรรษ 1960 แล้ว ยังช่วยคลายความเมื่อยล้าของร่างกายด้วยการออกแบบให้ประตูบานพับด้านหลังรองรับเสา A ได้อย่างลงตัว
ขณะที่สัมภาระสามารถจัดเก็บไว้ในพื้นที่เก็บแบบปิกนิกซึ่งเป็นช่องด้านท้ายแบบแยกส่วนที่สามารถเปิดออกได้สองส่วน ทำให้เข้าถึงพื้นที่จัดเก็บขนาด 315 ลิตรได้อย่างสะดวก ประตูท้ายที่ลดระดับลงช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับโซนที่นั่งที่สามารถรองรับผู้ใหญ่สองคนได้อย่างสบาย
หลังคาผ้าสีดำตัดกับตัวถังรถสี Graphite ตอกย้ำถึงการเป็นยนตรกรรมเปิดประทุนที่ทันสมัยและมีขนาดใหญ่ที่สุด และยังมาพร้อมฉนวนกันเสียงชั้นเลิศซึ่งสร้างจากวัสดุห้าชั้น ทำให้แน่ใจได้ว่าห้องโดยสารจะเงียบสนิทแม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็ว ทั้งยังเสริมความหรูหราให้กับพื้นที่ขนาดเล็กที่เกี่ยวเนื่องกันด้วยการบุผ้าแคชเมียร์
ภายในตกแต่งด้วยโทนสี Seashell ใช้หนัง Bavarian ชั้นเยี่ยม ซึ่งถอดแบบมาจากการตกแต่งภายในของเรือยอชท์ มีก้านพวงมาลัยโลหะ ปักสัญลักษณ์ Rolls-Royce ที่พนักพิงศีรษะทั้งหมด ประดับประติมากรรม Spirit of Ecstasy ติดตั้งกาบประตูกันลื่นของ Phantom และตกแต่งด้วยแผงไม้วีเนียร์อันวิจิตร