จำนวนผู้เข้าชม : 235 ครั้ง
End Page
 
 
ส่องอุตฯยานยนต์ไทย 59 ลุ้นปาฏิหาริย์ครึ่งปีหลัง

ไม่เกินความคาดหมายสำหรับอุตฯรถยนต์ไทยยอดขายรถยนต์ 7 เดือนยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยลบมากมายดังนั้นช่วงเวลาครึ่งปีที่เหลือจึงเป็นช่วงเวลาแห่งความหวังของเหล่าผู้ประกอบการส่วนจะออกหัวหรือก้อยลองไปลุ้นกันดู

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยจำนวนการผลิตรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2559 มีทั้งสิ้น 153,950 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.18%และลดลงจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา 14.42% จากการผลิตรถกระบะลดลงทั้งผลิตเพื่อขายในประเทศที่เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนและผลิตเพื่อส่งออก

แต่เมื่อดูยอดรวมทั้ง 7 เดือนแล้ว พบว่ายอดการผลิตมีอัตราการเติบโต 4.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เพราะสามารถผลิตได้ทั้งสิ้น 1,147,330 คัน ขณะที่ยอดขายในประเทศก็หดตัวลงเพียงเล็กน้อยรวม 7 เดือนมียอดขาย 429,265 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.2%ดังนั้นจึงยังคงเป้ายอดขายในประเทศอยู่ที่ 750,000-800,000 คัน

ส่วนตลาดส่งออกรถยนต์ช่วง 7 เดือนมีทั้งสิ้น 693,978 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 2.29% ถึงแม้ว่าการส่งออกรถกระบะจะลดลงในตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ แต่เราก็ยังมียอดส่งออกรถยนต์อีโคคาร์ไปตลาดอเมริกาและออสเตรเลียมาช่วยไว้

จากระยะเวลาที่ใกล้เข้ามา และตัวเลขที่สอดคล้องกันทาง สอท.ก็ยังมั่นใจว่า ทั้งปีนี้เป้าหมายการผลิตรถยนต์จะเป็นไปตามเป้าที่ 1,950,000-2,000,000 คัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 750,000-800,000 คัน และการผลิตเพื่อส่งออกที่ 1,220,000-1,250,000 คันตามเดิม และยังเพิ่มความเชื่อมั่นด้วยการเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนด้วย เพราะครองส่วนแบ่งการผลิตที่ 49% ของยอดผลิตในอาเซียน 

อันดับ 2 ที่ไล่ตามเรามาติดอินโดนีเซียส่วนแบ่งที่ 41%

อันดับ 3 มาเลเซีย ส่วนแบ่ง 13% ถัดมาเป็นเวียดนามและฟิลิปปินส์ โดยระบุว่าไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในอาเซียนที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจจากการมีแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และความเป็นศูนย์กลางของระบบโลจิสติกส์ไปยังต่างประเทศซึ่งในมุมมองของค่ายรถยนต์ นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เอง ก็เชื่อว่าหลังจากที่โครงการรถยนต์คันแรกได้ดูดกำลังซื้อในอนาคตไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มอีโคคาร์ที่มียอดขายในประเทศลดลงมาก แต่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะเป็นช่วงสิ้นสุดโครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ประเทศไทยน่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ และก้าวเดินด้วยก้าวที่มีคุณภาพได้แล้ว และค่ายรถเองก็ต้องเตรียมพร้อมเพื่อจะเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ปกติ

ประการแรกเรื่องของฤดูการขายซึ่งแน่นอนว่าเป็นช่วงปลายปี และพืชผลทางการเกษตรก็เป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่ส่งผลต่อกำลังซื้อ แม้ที่ผ่านมาหลายฝ่ายออกมายอมรับว่าภาคการเกษตรไม่ดีเลย จนมาถึงตอนนี้เริ่มคลี่คลายบ้างแล้ว เกษตรกรเริ่มมีรายได้จากการขายผลผลิต ซึ่งจะไปประจวบเหมาะกับงานอีเวนต์แสดงรถยนต์ ทั้งงานบิ๊กมอเตอร์เซล และงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ไม่เพียงแต่กระนั้น ค่ายรถยนต์เองก็จะต้องมีแผนการปรับและออกอาวุธกันสุดความสามารถ ทั้งแคมเปญและเตรียมแผนที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ เพื่อสร้างความคึกคักให้ตลาดด้วย

แต่ที่เห็นจะโดดเด่นและเคลื่อนตัวได้เรื่อย ๆ น่าจะเป็นตลาดที่เรียกว่า ตลาดของคนมีสตางค์ หรือตลาดรถหรูนั่นเอง

นายกฤษดา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทมีการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ปีนี้ลงเพิ่ม 488 ล้านบาท สอดคล้องกับยอดการเติบโตของธุรกิจ เมื่อปีที่แล้วบีเอ็มดับเบิลยูเติบโตมียอดขาย 8,768 คัน เติบโต 15% 

ทั้งนี้กำลังการผลิตนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ที่จังหวัดระยอง ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแล้ว ทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ โดยรถจักรยานยนต์มีกำลังการผลิตที่ 10,000 คัน ส่วนรถยนต์ 20,000 คัน เพื่อรองรับยอดขายในประเทศและการส่งออก ซึ่งทางบีเอ็มดับเบิลยูก็เตรียมวางแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ด้วย

นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกวงการรถยนต์ว่า ต่อจากนี้ทิศทางการพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์จะมีเป้าหมายอยู่ที่การประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในที่สุด ช่วงนี้ผู้ผลิตรถและอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องต้องเร่งคิดนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงานออกมาอย่างต่อเนื่อง

นางอัชณา ลิมป์ไพฑูรย์ 
นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย แม่ทัพของวงการชิ้นส่วนที่ต้องเร่งปรับตัวก่อนใคร ก็ยอมรับว่านับเป็นความท้าทายของวงการชิ้นส่วนอย่างยิ่ง ที่จะต้องพัฒนาขีดความสามารถและความพร้อมเพื่อรองรับเทคโนโลยีไฟฟ้า ไม่ใช่แค่ครึ่งปีหลังนี้เท่านั้น แต่จะต้องเป็นการเตรียมตัวมาตลอด ทั้งเรื่องแรงงาน เครื่องมือ เข้าใจว่าเทคโนโลยีต้องเดินไปข้างหน้า แต่ต้องเดินแบบค่อยเป็นค่อยไป เดินด้วยก้าวที่มีคุณภาพ

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มครึ่งปีหลังตลาดรถยนต์น่าจะสดใสเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ เพราะเราพากันเดินมาถึงจุดที่ต่ำที่สุด ปีนี้แหละจะต้องฟื้นตัว ตลาดกลางได้กำลังซื้อมาจากการเกษตร ตลาดบนก็ได้กำลังซื้อมาจากตลาดหุ้นและธุรกิจ สำหรับช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาก็เป็นการบ้านให้ทั้งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายได้ทบทวนและเตรียมตัวรับมือกันต่อไปในช่วงอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ คาดว่าจะได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์กันในไม่ช้า โดยทุกค่ายต่างก็ลุ้นกันสุดตัว สำหรับช่วงครึ่งปีหลังนี



ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : นิตยสารรถ WEEKLY/ http://www.rodweekly.com  
 ผู้บันทึก : กองบรรณาธิการ
date : [ 02 ก.ย. 2559 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc