นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมด้วย นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และ นายโชคชัย คุณวาสี ประธานชมรมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ลงนามบันทึกความร่วมมือ โครงการอบรม “ปลอดภัยทุกการขับ ประหยัดทุกเส้นทาง” เพื่อเป็นการส่งมอบความสุข สร้างรอยยิ้มให้แก่คนไทย โดยจัดพิธีฯ ในวันพฤหสับดีที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ขับทดสอบรถ “Toyota Driving Experience Park” ถนนบางนา – ตราด กิโลเมตรที่ 3 กรุงเทพมหานคร
โครงการอบรม “ปลอดภัยทุกการขับ ประหยัดทุกเส้นทาง” (Safe-Eco Driving) เป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ภายใต้โครงการ โตโยต้า ถนนสีขาว ผ่านความร่วมมือระหว่างบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ชมรมผู้แทนจำหน่าย และกรมการขนส่งทางบก มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับที่ไม่ปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน อีกทั้งยังส่งเสริมพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างประหยัดและรู้คุณค่า ผ่านความร่วมมือของขนส่งจังหวัดและผู้แทนจำหน่าย ในทุกๆจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนคนไทยในระยะยาว ตลอดจนเป็นต้นแบบให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่นและผู้นำชุมชน
บริษัทฯได้พัฒนาหลักสูตร “ปลอดภัยทุกการขับ ประหยัดทุกเส้นทาง” (Safe-Eco Driving) มาจาก “ศูนย์การศึกษาความปลอดภัยโมบิลิตะ” หรือ “Mobilitas” ภายใต้การดูแลของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับหลักสูตรความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎและวินัยจราจร จากกรมขนส่งทางบกโดยสำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นหลักสูตรขั้นสูงต่อจากโครงการพัฒนาครูฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัย (Safe Driving) โดยประกอบด้วย 2 ด้านคือ
หลักการและเทคนิคการขับขี่ปลอดภัยภายใต้ 3S (Safety, Smooth, Speedy) 10 เทคนิควิธีการขับขี่อย่างประหยัดพลังงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยครูฝึกที่เข้าร่วมโครงการจะต้องผ่านหลักเกณฑ์การอบรมจากโครงการพัฒนาครูฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัย (Safe Driving) ซึ่งจะต้องมีจำนวนชั่วโมงเรียนไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมง (หรือ 5 วัน) จึงจะสามารถเข้ารับอบรมในหลักสูตรขั้นสูงนี้ได้ โดยจะได้รับการอบรมเพิ่มเติมอีก 12 ชั่วโมง (หรือ 2 วัน) และระหว่างเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2558 ที่ผ่านมา มีครูฝึกที่ผ่านการอบรมขั้นสูงแล้วทั้งสิ้น 419 คน ทั้งจากผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าและขนส่งจังหวัดทั่วประเทศโดยครูฝึกจะนำองค์ความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดสู่ประชาชนที่สนใจในแต่ละจังหวัด และมีเป้าหมายว่าจะมีจำนวนประชาชนที่เข้ารับการอบรมรวมทั้งสิ้นกว่า 30,000 คน ภายในปี 2559 รวมทั้งคาดว่าจะช่วยลดจำนวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากพฤติกรรมการขับขี่อย่างประหยัดพลังงานจำนวน 3,600 ตัน/ปีอีกด้วย (อ้างอิงจากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย)