จำนวนผู้เข้าชม : 565 ครั้ง
End Page
 
 
แรกสัมผัสฮอนด้า “บีอาร์-วี” เอสยูวี 7 ที่นั่งน้องใหม่...ผมไม่เล็กนะครับ

แสบสันสนั่นทรวงดีที่เดียวครับ สำหรับการบุกตลาดเอสยูวี/ครอสโอเวอร์ของฮอนด้า หลังจัดวาง “เอชอาร์-วี” (HR-V) ให้อยู่ในตำแหน่งการตลาดที่ไม่มีใครเล่นด้วย(ตรงๆ) กล่าวคือต่ำกว่า “ซีอาร์-วี” แต่ก็สูงกว่าชาวบ้านอย่าง “นิสสัน จู๊ค” และ “ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต”

ต้องบอกฮอนด้าว่ามาเหนือเมฆ จนขึ้นแท่นเป็นเจ้าตลาดเอสยูวีเมืองไทย(ไม่นับพื้นฐานที่มาจากปิกอัพ) โดยผ่านไป 9 เดือนของปีนี้ “เอชอาร์-วี” ขายไปกว่า 19,000 คัน “ซีอาร์-วี” 5,200 คัน สองโมเดลรวมกันครองส่วนแบ่งตลาดถึง 60% (อันดับสามในตลาดคือ นิสสัน เอ็กซ์เทรล ขายได้ 4,100 คัน)

เท่านั้นยังไม่พอครับ เพราะฮอนด้ายังเตรียมดาบสาม ซ้ำความสำเร็จไปอีกดอกด้วย “บีอาร์-วี” (BR-V) เอสยูวีระดับ Entry Level พูดให้ชัดคือราคาถูกกว่าสองรุ่นพี่ข้างบนแน่นอน ซึ่งคนไทยจะได้ยลโฉมตัวจริงในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 ส่วนการเปิดตัวพร้อมขายอย่างเป็นทางการจะเริ่มตั้งแต่ต้นปีหน้า

สำหรับฮอนด้า“บีอาร์-วี” เตรียมขึ้นไลน์ผลิตที่เมืองไทย พร้อมวางเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ประกบเกียร์ CVT ความโดดเด่นอยู่ที่ตัวถังยาวใหญ่ (กว่า เอชอาร์-วี) ด้วยมิติตัวถังยาว 4,456 มม. กว้าง 1,735 มม. สูง 1,666 มม. และระยะฐานล้อ 2,660 มม. พร้อมรองรับเบาะนั่งสามแถว 7 ที่นั่ง

ขณะที่ฮอนด้าย้ำว่าตัวขายในไทยอย่างไรก็ต้องมีออปชันอย่าง Push Start,Smart Entry, แอร์แบ็กคู่,ระบบควบคุมการทรงตัว VSA ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA

ส่วนคุณลักษณะที่โดดเด่นไล่ตั้งแต่ ราวหลังคา ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟหรี่แบบ LED ไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์รูปตัว C และล้ออัลลอยเท่ขนาด 16 นิ้ว

ภายในเน้นความอเนกประสงค์ด้วยพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง รวมถึงฟังก์ชันที่คุ้นชินอย่าง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ (Multi-Information Display) ระบบเครื่องเสียงแบบสัมผัส รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติและระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ติดตั้งอยู่ระหว่างเบาะที่นั่งแถวที่ 1 และแถวที่ 2 เพื่อกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง

“พิทักษ์ พฤทธิสาริกร” บอสใหญ่ ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย บอกว่า ฮอนด้า บีอาร์-วี เป็นรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์รุ่นล่าสุด ที่จะเข้ามาเติมเต็มไลน์ผลิตภัณฑ์รถยนต์ประเภทนี้ของฮอนด้าให้สมบูรณ์และครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์มากยิ่งขึ้น โดยคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่แข็งแกร่งสไตล์สปอร์ต เช่นเดียวกับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี และฮอนด้า เอชอาร์-วี อีกทั้งยังนำเสนอคุณค่าใหม่ ด้วยเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง ถือเป็นรุ่นแรกของรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ที่จะมาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทั้งในระดับคอมแพคท์และซับคอมแพคท์

“หลังจากการเปิดตัว ฮอนด้า บีอาร์-วี ครั้งแรกในโลกที่ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าชาวอินโดนีเซีย ด้วยยอดจองกว่า 2,500 คัน ในระยะเวลาเพียง 1 เดือน (กันยายน 2558) เราจึงเชื่อมั่นว่า ฮอนด้า บีอาร์-วี จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทยเช่นเดียวกัน และจะสร้างมิติใหม่ให้กับตลาดรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ประเทศไทย เช่นเดียวกับ ซีอาร์-วี และเอชอาร์-วี ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา” พิทักษ์ กล่าวอย่างมั่นใจ

ในส่วนการลองขับที่สนามทวินริง โมเตกิ (อยู่ทางเหนือของโตเกียว) ฮอนด้าเลือกคอร์สเล็กๆ (ไม่ได้วิ่งในแทรคใหญ่) ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรต่อรอบ ซึ่งได้ลองคนละ 2 รอบ (แล้วใครจะนั่งเป็นผู้โดยสารไปกับเพื่อน เพิ่มเติมก็สุดแล้วแต่)

ตัวรถดูใหญ่ดีครับ นักข่าวบางคนบอกว่านี่เหมือน “โมบิลิโอ” ยกสูง (ว่าไปนั่น) ซึ่งผู้เขียนว่าการออกแบบรวมๆดูสง่า บึกบึน บนความสมส่วนลงตัว มาพร้อมภาษาการออกแบบในสไตล์รถยนต์ฮอนด้าที่ทำตลาดในภูมิภาคนี้

การเข้า-ออก ภายในห้องโดยสารสะดวกสบาย ระยะต่ำสุดจากพื้น (Ground Clearance) 201 มม. พร้อมลุย(น้ำท่วม) ได้ระดับหนึ่ง ทั้งยังส่งผลถึงทัศนวิสัยการขับที่มองได้ไกล ขณะที่เบาะนั่งแบบผ้าปรับระยะด้วยมือโยก พวงมาลัย คันเกียร์ แผงแดชบอร์ด หรือการตกแต่งรวมๆไม่ถึงกับหรูหรามากมาย เบาะนั่งแถวสองพับและดันขึ้นไปพิงกับเบาะคู่หน้าได้ ส่วนเบาะแถวสามจัดพับได้แบบประดักประเดิด

ทั้งนี้บีอาร์-วี ที่ได้ลองขับยังไม่ใช้ตัวขายจริงนะครับ(เป็นตัวโปรโตไทป์) และสเปกต่างๆก็อิงกับรุ่นที่เตรียมขายในอินโดนีเซีย ดังนั้นถ้าดูประสิทธิผลของขุมพลัง 4 สูบ 1.5 ลิตร i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร ที่ 4,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังลงสู่ล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ถือว่าให้การตอบสนองสมเนื้อสมตัว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ประมาณ 12 วินาที

ด้วยเงื่อนไขของทีมงานฮอนด้า และสนามก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง ผู้เขียนใช้ความเร็วหลายระดับ แต่สูงสุดก็ไม่เกิน 90 กม./ชม. อาจจะวัดอะไรไม่ได้มาก แต่สรุปได้เลยว่า รถคันนี้ไม่อืดอาดอุ้ยอ้าย เรี่ยวแรงมีให้เพียงพอต่อการใช้งานแน่นอน(ขึ้นอยู่กับบรรทุกคน ขนของมากขนาดไหน)

อย่างไรก็ตามจุดเด่นที่สัมผัสได้ชัดเจนจากการลองขับสองรอบ ระยะทางรวม 2.3 กิโลเมตรคือ ระบบช่วงล่างและการควบคุมที่หนึบแน่น ผู้เขียนชอบที่ตัวรถไม่โคลงเคลงหรือยวบย้อยตอนที่เข้าโค้งยาวๆ (ใช้ความเร็วประมาณ 80 กม./ชม.) พร้อมพวงมาลัยน้ำหนักกำลังติดมือ (ไม่เบาหวิว) รับกับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วประกบยาง 195/60 R16 ต้องชื่นชมครับกับโครงสร้างลักษณะรถทรงนี้ แต่ยังให้ความมั่นคงในการขับขี่สูง อันสอดคล้องกับประสิทธิภาพของเบรกที่ค่อนข้างแม่นยำ ให้ระยะชะลอหยุดสัมพันธ์ตามความคาดหมาย

เจอกันก่อนในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 เดือนธันวาคมนี้ และฮอนด้าจะจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งช่วงต้นปีหน้า คาดหมายว่าราคาขายจะอยู่ประมาณ 7 แสนบาท (บวก,ลบ แล้วแต่รุ่นย่อย) ซึ่งราคาขนาดนี้แลกกับการเป็นรถครอบครัว ขนาดพอเหมาะ รองรับการใช้งานอเนกประสงค์ แถมสมรรถนะไม่ขี้เหร่ ใครสนใจก็เก็บเงินรอไว้ได้เลย

















ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : นิตยสารรถ WEEKLY  
 ผู้บันทึก : กองบรรณาธิการ
date : [ 12 พ.ย. 2558 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc