นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงยอดผลิตรถยนต์ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า ทำได้ทั้งสิ้น 171,496 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 4.38% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 64,347 คัน รถยนต์บรรทุก 107,119 คัน รถกะบะขนาด 1 ตัน 104,514 คัน และรถโดยสาร 30 คัน

"9 เดือนตั้งแต่มกราคมถึงกันยายน ประเทศไทยผลิตรถไปแล้ว 1,431,759 คัน เพิ่มขึ้น 1.65% จากปีก่อน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 911,560 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ 8.48%"

นายสุรพงษ์กล่าวถึง ปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดการส่งออกดีขึ้นมาจากการผลิตรถกะบะที่ก่อนหน้านี้ได้มีการเปลี่ยนรุ่น เริ่มส่งออกได้แล้ว รวมทั้งอีโคคาร์ ที่ส่งไปยังยุโรปและอเมริกา ตลาดต่างประเทศค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้น แบ่งการส่งออกตามสัดส่วนประเภทรถยนต์เป็นรถยนต์กะบะ 65% รถยนต์นั่ง 30% และปิกอัพดัดแปลงหรือพีพีวี 5%

สำหรับยอดผลิตเพื่อขายในประเทศเดือนกันยายนผลิตได้ 49,422 คัน ลดลงจากเดือนกันยายนของปีก่อนหน้า 23.27% ขณะที่ผลิตเพื่อขายในประเทศ 9 เดือนทำได้ 520,199 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า 8.45% เป็นผลมาจากเศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่คล่องตัว

"คาดว่าปีหน้าจะดีขึ้นแน่นอน เพราะนโยบายจากภาครัฐเริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้น ทำให้ภาคเอกชนแข็งแกร่งขึ้น เม็ดเงินที่ไปสนับสนุนตามภาคต่าง ๆ เช่น กองทุนหมูบ้าน น่าจะส่งผลชัดเจนขึ้น ทำให้มีเม็ดเงินมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้คล่องตัวขึ้น ขณะเดียวกันภาคการเกษตรก็น่าจะมีผลผลิตที่ดีขึ้น ทั้งราคาข้าว และราคายาง" นายสุรพงษ์กล่าว

ทั้งนี้ ประมาณการการผลิตรถยนต์ในปี 2558 จะอยู่ที่ประมาณ 1.95-2 ล้านคัน ปรับลดเป้าจากเดิมลง 50,000 -100,000 คัน แต่เป้าส่งออกยังคงเดิมที่ 1.2 ล้านคัน และเป้าการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศปรับเป็น 7.5 -8 แสนคัน